วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

starry night ผลงานของ vincent van gogh


         Starry Night (ราตรีประดับดาว) เป็นผลงานภาพเขียนสีน้ำมันที่วาดขึ้นโดย Vincent van Gogh ชาวดัตช์ ศิลปินในสมัยโพสต์-อิมเพรสชันนิสม์  เป็นภาพที่แสดงให้เห็นทิวทัศน์ยามกลางคืนภายนอกหน้าต่างสถานบำบัดที่เมืองแซ็ง-เรมี-เดอ-พรอว็องส์(ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส) แต่Vincent van Gogh เขียนภาพนี้จากความทรงจำในตอนกลางวัน
          ปัจจุบันแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่(Museum of Modern Art) ในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1941


DON MCLEAN - VINCENT (STARRY, STARRY NIGHT)

        

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ประวัติศาสตร์ประเทศฮังการี


ธงชาติประเทศฮังการี  (hungary)
ประเทศฮังการีชื่อประเทศ ประเทศฮังการี (อังกฤษ: Republic of Hungary; ฮังการี: Magyarország มอยอโรร์ซาก) หรือชื่อเต็มคือ สาธารณรัฐฮังการี (อังกฤษ: Republic of Hungary; ฮังการี: Magyar Köztársaság มอยอร์ เคิซตาร์ซอซาก) และประเทศฮ้งการียังได้รับการขนานนามว่า “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ด้วยความงดงามของสายน้ำที่คั่นแบ่งเมืองเป็นสองฝั่ง ร่องรอยของอดีตเมื่อครั้งอยู่ภายใต้ม่านเหล็กคือ เสน่ห์อันน่าหลงใหลที่ผสานไปกับความงดงามทางศิลปะที่สั่งสมมาแต่ครั้งบรรพ กาล
ที่ตั้ง เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ในยุโรปกลาง มีอาณาเขตจรดประเทศออสเตรีย สโลวาเกีย ยูเครน โรมาเนีย เซอร์เบีย โครเอเชีย และสโลวีเนีย ในท้องถิ่นเป็นที่รู้จักว่า ประเทศของชาวแมกยาร์ (Country of the Magyars)hungary  map แผนที่ประเทศฮังการี
ทิศเหนือ ติดกับสโลวาเกีย และยูเครน
ทิศใต้ ติดกับโครเอเชีย เซอร์เบีย และมอนเตเนโกร
ทิศตะวันออก ติดกับโรมาเนีย
ทิศตะวันตก ติดกับออสเตรีย และสโลวีเนีย
พื้นที่ 93,000 ตารางกิโลเมตร

ภูมิประเทศ แบ่งออก เป็น 3 ส่วน
  • The Great Plain (Nagyalföld) เป็นที่ราบต่ำทางตะวันออกและตอนกลาง
  • The Little Plain เป็นที่ราบขนาดเล็กทาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีแนวเทือกเขาที่สูงที่สุด ชื่อว่า Kékes tető (สูง 1,015 เมตร)
  • Transdanubia เนินเขา สลับกับที่ราบสูงๆต่ำทางตะวันและตะวันตกฉียงใต้ 
ภูมิอากาศ
ประเทศฮังการีมีฤดูหนาวที่ชื้น และมีฤดูร้อนที่อบอุ่น
อุณหภูมิเฉลี่ย ฤดูหนาว 0 ถึง -15 องศาเซลเซียส ฤดูร้อน 27-35 องศาเซลเซียส

เมืองหลวง บูดาเปสต์ เมืองบูดาเปสต์เป็นทั้งเมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย
ภาษาราชการ ฮังกาเรียน 98% อื่นๆ 2%
 
ศาสนา โรมันคาทอลิก 67.5% คาลวินิสต์ 20% ลูเธอแรนส์ 5%
 
การปกครอง   ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ซึ่งเป็นระบบสภาเดียว โดยมีประธานาธิบดีซึ่งมาจากการเลือกตั้งทำหน้าที่เป็นประมุขของประเทศ
เมืองหลวง  บูดาเปสต์ (Budapest)
พื้นที่  รวม 93,030 ตร.กม. 
สกุลเงิน โฟรินต์ (Forint) (HUF) โดย สามารถแลกเป็นเงินไทยได้ในอัตรา 5.3 HUF = 1 บาท
ประชากร  ประมาณ  10 ล้านคน
เวลา   ช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมงในหน้าร้อน และ 6 ชั่วโมงในหน้าหนาว
รหัสโทรศัพท์  36
ขั้นตอนการขอวีซ่า:
ประเทศฮังการีได้เข้าร่วมในสนธิสัญญา เชงเก้น ซึ่งทำให้การเข้าออกประเทศฮังการี่สามารถทำได้ง่ายขึ้นโดยการขอทำเชงเก้นวีซ่า
วีซ่าฮังการี (Visa Hungary)
Visa Tourist ผู้เดินทางต้องยื่นเรื่องด้วยตนเองเท่านั้น
เงินตราและตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ฮังการี่
หน่วยเงินของฮังการี เรียกว่า โฟรินท์ (Forint) สามารถแลกเป็นเงินไทยได้ในอัตรา 5.3 Hungarian Forint = 1 บาท สำหรับการไปแลกเงินที่ประเทศฮังการี นักท่องเที่ยวควรแลกเงินกับสถานที่ที่มีการออกใบกำกับการแลกเงินให้นะ เพราะเงินของฮังการีมีการปลอมแปลงกันมาก โดยท่านสามารถหาตู้แลกเงินได้ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า บริเวณสถานีรถไฟใต้ดินบางแห่ง รวมถึงสถานีรถไฟใหญ่ทั้งสามแห่งในกรุงบูดาเปสต์ และอีกสิ่งที่สำคัญ ท่านจะต้องดูแลทรัพย์สินที่มีค่าของตนเองเป็นอย่างดีในระหว่างการท่องเที่ยว ด้วย Gulasch (กูลาช)
ตรวจสอบอัตราแลกเปลี่ยนเงินฟอรินท์ Hungarian Forint (HUF)
การเดินทาง ใน ฮังการี่
       ประเทศฮังการีนั้นมีระบบการขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพอย่างหน้า ประหลาดใจ ซึ่งรวมถึง การขนส่งระดับระหว่างประเทศ ภายในประเทศ โดย การขนส่งระบบราง ทั้งภายในเมืองและระหว่างเมือง รถบัส รถราง และ รถไฟใต้ดิน
       โดยไม่ต้องคำนึงถึงวิธีการโดยสารเดินทาง ราคาตั๋วรถโดยสารสาธารณมีอัตราที่ถูกมากอย่างเหลือเชื่อ สำหรับ การให้งานโดยสารเป็นประจำ และรายเดือนซื่งสามารถเดินทางได้ครอบคลุม การขนส่งมวลชนได้ทุกแบบ ซื่งสามารถซื้อตั๋วได้จากสถานีรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ คุณสามารถซื่อตั๋วได้ในราคานักเรียน และเด็ก ซึ่งมีราคาถูกกว่ามาก และยังมี ตั๋วราคาถูกกว่า ที่สามารถขึ้นได้เฉพาะ รถรางหรือรถไฟฟ้า สำหรับคนที่ไม่อยากขึ้นรถโดยสารประจำทาง ส่วนตั๋ว Hunagrian Flexipass สามารถใช้เดินทางได้ทั่วประเทศฮังการีได้ถึง 10 วัน เพียง US$ 69 เท่านั้น
รถไฟฟ้า
       บูดาเปสต์เป็นเมืองเดียวในประเทศฮังการีที่มีการเชื่อมโยงของระบบการ ขนส่งสาธารณะที่มีการเชื่อมต่อระหว่าง ระไฟฟ้า รถรางไฟฟ้า และรถโดยสารประจำทาง
       รถไฟฟ้าในนคร บูดาเปสต์มีประสิทธิภาพและไม่แพง มีทั้งหมดด้วยกันสามสายด้วยกัน ซึ่งมีจุดเริ่มต้นที่เดียวกันจากใจกลางเมืองออกไปสู่บริเวณรอบๆ แต่ละสถานีจะมีป้ายสัญลักษณ์วงกลมมีตัวอักษร M อยู่ตรงกลาง ในการให้บริการรถไฟฟ้า นั้น ในฝั่งเมืองใหม่ Pest จะมีการบริการที่ดีกว่าและทั่วถึงกว่า ในฝั่งเมือง Buda ซึ่งในฝั่ง Buda นั้นจะมีรถรางไฟฟ้าและรถโดยสารประจำทางให้ใช้มากกว่า
       รถไฟฟ้าของนคร บูดาเปสต์นั้นง่ายต่อการหา และเดินทาง ซึ่งคุณสามารถซื้อแผนที่ได้ที่ช่องขายตั๋วของแต่ละสถานี การซื้อตั๋วสามารถซื้อได้จากเครื่องอัตโนมัติ หรือ ร้านขายบุหรี่ ก่อนที่จะเข้าสู่ชานชาลาหลักจะต้องทำการเปิดการใช้งานกับเครื่องสีส้มเล็ๆ ที่ตั้งอยู่บนทางผ่านไปชานชาลาต่างๆ ถ้าไม่ได้ทำการเปิดการใช้งานที่เครื่องนี้ก่อนคุณอาจถูกต่อว่าและต้องเสีย ค่าปรับได้ และจะต้องทำการเปิดการใช้งานทุกครั้งเมื่อทำการเปลี่ยนสาย รถไฟฟ้า เปิดทำการ ตั่งแต่ 4.30 น. จนถึง 23.00 น. แต่คุณยังสามารถเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง หรือ รถรางไฟฟ้าเที่ยวกลางคืน หรือ แท็กซี่ ได้
รถรางไฟฟ้า (Trams)
       รถรางไฟฟ้ามีเส้นทางเดินรถที่ยาวคดเคี้ยวไปตามถนนสายหลักต่างๆ ในกรุงบูดาเปสต์ แต่ราคาค่าโดยสารนั้นจะถูกกว่าการเดินทางทางรถโดยสารประจำทางอีกด้วย รถรางไฟฟ้า นั้นมักจะมีคนเต็มอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการใช้บริการรถรางไฟฟ้านั้น ก็ยังรวดเร็วอยู่ และอย่าลืมที่จะนำตั๋วโดยสารไปทำการเช็คกับเครื่องที่อยุ่บริเวณหน้าประตู ด้วยทุกครั้ง
Buses
       รถโดยสารประจำทาง เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการสำรวจเขตที่ไม่ค่อยมีระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งในบูดาเปสต์นั้นรถโดยสารประจำทางจะมีค่อนข้างถี่ และคนเยอะ
       ในการเดินทาง ไปต่างเมือง อัตราค่าโดยสารรถบัสจะมีราคาใกล้เคียงกับรถไฟ ซึ่งขึ้นอยู่กับเส้นทางที่จะไป และยังสามารถซื้อตั๋วบนรถได้เลยจึงควรที่จะจองที่นั้งไว้ก่อนเพื่อความสะดวก และแน่นอนยิ่งขึ้น
Taxis
       แท็กซี่นั้นเป็นพาหนะที่สะดวกสบายที่สุดแล้ว แต่ก็ต้องแรกกับความเสี่ยงที่จะได้รับจากคนขับที่อาจจะไม่ซื่อตรงกับเราได้ โดยเหตุการณ์แบบนี้จะมีเกิดขึ้นบ่อยๆ ในยุโรปรวมถึงทั่วโลก เช่น การพาขับวน หรือ ไม่ใช้มีเตอร์ หรือควรหลีกเลี่ยงการขึ้นแท็กซี่หรูๆ เพราะอาจเจอกับราคาที่แพงมากกว่าปกติ
Domestic Trains
       การเดินทางโดยรถไฟจะมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่กรุงบูดาเปสต์จากนั้นก็จะ กระจายออกไป รถไฟที่เดินขบวนระหว่างภูมิภาคนั้นจะช้ากว่า รถไฟด่วน (Express) มาก ดังนั้นควรตรวจสอบว่าจุดหมายปลายทางมีรถไฟด่วนให้บริการหรือไป เมื่อต้องการความรวดเร็วในการเดินทาง
       การจองที่นั่งบนรถไฟไว้ก่อนนั้นจำเป็นที่จะต้องไปจองเองด้วยตัวเองที่สถานี หรือตามเอเจนซีต่างๆ ของการรถไฟของฮังการี
ทัวร์ฮังการี่, เที่ยวฮังการี่
ทัวร์ฮังการี่, เที่ยวฮังการี่
ทัวร์ฮังการี่, เที่ยวฮังการี่

        ประเทศฮังการี เป็นอีกประเทศที่มีประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมที่ยาวนาน อีกทั้งมีลักษณะภูมิประเทศและสถาปัตยกรรมที่งดงามมากมาย โดยฮังการีนั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน ซึ่งมีประวัติอย่างยาวนานมาตั้งแต่ในสมัยศตวรรษที่ 9 คนท้องถิ่นมักจะเรียกดินแดนนี้ว่า “ประเทศของชาวแมกยาร์” ซึ่งอดีตเคยเป็นชาวพื้นเมืองในสมัยโรมันที่อาศัยอยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศราว 70% นั้นเป็นพื้นที่ทำการเกษตร ส่วนที่เหลือนั้นเป็นป่าทึบ เช่นป่าโอ๊ก ป่าบีช แต่แม้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอาจจะยังอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากฮังการีเคยปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์มาก่อน และเพิ่งจะเปิดประเทศเป็นประเทศเสรีนิยมได้ไม่นาน แต่รัฐบาลของฮังการีก็กำลังเร่งปรับปรุงเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อให้มีการเจริญเติบโตทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ค่าครองชีพของฮังการีจึงไม่แพงมาก ค่าอาหารมื้อหนึ่งอยู่ที่ประมาณ 190 บาท ในขณะที่ Coke หรือ Pepsi ขวดเล็กราคาประมาณ 35 บาท น้ำเปล่าขวดครึ่งลิตรประมาณ 30 บาท ค่าแท๊กซี่เริ่มต้นที่ 42.49 บาท



สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในฮังการี
นครบูดาเปสต์
        นครบูดาเปสต์ เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการีและ เป็นศูนย์กลางของประเทศที่มีอาณาเขตครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำดานูบ เมืองทางฝั่งขวา ได้แก่ เมืองบูดา (Buda) และโอบูดา (Óbuda หรือ โอลด์บูดา Old Buda ส่วนทางซ้าย (ฝั่งตะวันออก) เป็นเมืองเปสต์ (Pest)



มหาวิหารแมททิอัส
        มหาวิหารแมททิอัส (MATTHIAS CHURCH) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก มีอายุกว่า 700 ปี ซึ่งมีความสวยงามด้วยหลังคาสลับสีแบบสถาปัตยกรรมนีโอ-โกธิค ด้านในประดับประดาไปด้วยภาพเขียนสี และกระจกสีที่บอกเล่าเรื่องราวทางศาสนา ด้านนอกมีอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 เป็นอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 โบสถ์นี้เคยใช้จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทธิอัส ซึ่งพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก ในสมัยของพระองค์ถือว่าเป็นสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาอย่างแท้จริง


ป้อมชาวประมง
        ป้อมชาวประมง Fishermen's Bastin สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1905 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานไว้รำลึกถึงความกล้าหาญของชาวประมงผู้เสียสละชีวิตปกป้องบ้านเมือง ในคราวที่ถูกพวกมองโกลเข้ามารุกราน เมื่อปี 1241 - 1242 โดยที่นี่นับเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์รอบเมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะสามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบ สะพานเชน และอาคารรัฐสภาฮังการีริมแม่น้ำดานูบ

สะพานเชน
        สะพานเชน (Chain Bridge) สะพานถาวรแห่งแรกที่ทอดตัวข้ามแม่น้ำดานูบ เปิดใช้ในปี 1849 สร้างโดยวิศวกรชาวอังกฤษชื่อ William Tierney Clark มีรูปปั้นแกะสลักสิงห์โตที่สะพาน เป็นสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์ของบูดาเปสท์ มีตำนานเล่าว่าสิงโตเฝ้าอยู่ทั้ง 2 ฝั่งของสะพานนี้ไม่มีลิ้น



 
ฮีโร่สแควร์ 
        ฮีโร่สแควร์ (Hero Square) เป็นลานโล่งกว้างขนาดใหญ่ ที่มีอนุสาวรีย์แห่งสหัสวรรษ (Millennium Memorial) ตั้งอยู่กลางลาน ซึ่งเป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการก่อตั้งอาณาจักรฮังการีครบรอบหนึ่งพันปี มีเสาสูงเป็นที่ตั้งของรูปหล่อเทวทูตกาเบรียล รอบเสาสูงเป็นที่ตั้งของรูปหล่อผู้นำของชนเผ่าทั้ง 7 ที่ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักรฮังการีขึ้นเมื่อคริสตศวรรษที่ 9
           เสาระเบียงโดยรอบที่ประดับประดาไปด้วยรูปหล่อของบุคคล สำคัญของฮังการี ไม่ว่าจะเป็นอดีตกษัตริย์ นักปราชญ์ และบุคคลในประวัติศาสตร์ของฮังการี ซึ่งในช่วงที่มีการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้น ฮังการียังคงอยู่ภายใต้จักรวรรดิออสเตรีย ดังนั้นรูปหล่อบางรูปในขณะนั้น จึงเป็นบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กแห่งออสเตรีย แต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง อนุสาวรีย์แห่งนี้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก การบูรณะหลังจากนั้นได้มีการเปลี่ยนรูปหล่อของบุคคลจากราชวงศ์ฮับสบวร์กทั้ง หมดให้เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ฮังการี สอดคล้องกับสภาพการเมืองในขณะนั้นที่จักรวรรดิออสเตรียล่มสลายลง และฮังการีได้แยกตัวออกมาเป็นประเทศเอกราช


มหาวิหารเซนต์สตีเฟน
        มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St.Stephen Basilica) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1851 แต่เสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ.1905 (ใช้เวลา 54 ปีในการก่อสร้าง) เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่เซนต์สตีเฟน กษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชอาณาจักรฮังการี  ภายในมหาวิหารสวยงามอลังการและมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาโบสถ์ที่มีความใหญ่โตที่สุดในบูดาเปสต์ โบสถ์นี้เป็นโบสถ์คาทอลิกศิลปะ Neo-Classical ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานกว่า 50 ปีเพราะประสบปัญหาหลายอย่าง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ St. Stephen’s Basilica มีความสำคัญและเป็นแรงดึงดูดให้คริสตศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวทั่วไปหลั่งไหลมาที่นี่คงเป็นเพราะที่นี่เป็นสถานที่เก็บพระหัตถ์ข้างขวาของกษัตริย์เซนต์สตีเฟ่น (The Holy Right Hand of King St. Stephen) ปฐมกษัตริย์ผู้ก่อตั้งประเทศฮังการี การค้นพบและพบว่าพระหัตถ์ขวาของท่านยังคงอยู่โดยไม่เสื่อมสลายเป็นที่โจษจันและเลื่อมใสจากทั่วทั้งประเทศ แต่กว่าพระหัตถ์ขวาของกษัตริย์เซนต์สตีเฟ่นจะถูกเก็บรักษาที่โบสถ์เซนต์สตีเฟ่นนี้ในปี 1945 ก็ได้ถูกเก็บรักษาและส่งผ่านไปในหลายๆประเทศตั้งแต่เมือง Bihar ใน Transylvania เมือง Ragusa (ปัจจุบันอยู่ที่เมือง Dubrovnik ประเทศโครเอเชีย) จนไปถึงเวียนนา



อาคารรัฐสภาฮังการี
        อาคารรัฐสภาฮังการี (Hungary Parliament) ถือป็นสัญลักษณ์ของประเทศฮังการี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูบบนฝั่งเปสต์ เป็นอาคารรัฐสภาที่สวยที่สุดในโลก ก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค เริ่มสร้างเมื่อปี ค.ศ.1885 และใช้เวลากว่า 20 ปีจึงสร้างเสร็จสมบูรณ์ โดยรูปแบบอาคารได้รับอิทธิพลมาจากอาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน สหราอาณาจักร

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=loveparadise&month=09-2011&date=22&group=29&gblog=49

กีฬาโอลิมปิค


กีฬาโอลิมปิก

            นักท่องเที่ยวจากทุกประเทศที่ไปเยี่ยมเยือนประเทศกรีซ มักจะต้องถือโอกาสไปแวะชม สนามกีฬาโอลิมปิกครั้งแรก ที่กรุงเอเธนส์ เมื่อ ค.ศ.๑๘๙๖ หรือ พ.ศ.๒๔๓๙
            กีฬาโอลิมปิกมีประวัติเก่าแก่ย้อนไปสู่กีฬาโอลิมปิกของชาวกรีซโบราณ ซึ่งเป็นประเพณีแข่งกีฬาบูชาเทพเจ้าซีอุส (Zeus) ซึ่งจัดขึ้นที่หุบเขาศักดิ์สิทธิ์เอลลิส (Elis) คำว่า “โอลิมปิก” เป็นชื่อภูเขา “โอลิมเปีย” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ กีฬาโอลิมปิก ที่รู้จักกันทั่วโลกในปัจจุบันในฐานะการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และนักกีฬาทุกคนจากทุกประเทศใฝ่ฝันจะได้รับความสำเร็จคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนี้ ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จและเป็นเกียรติยศสูงสุดยอดของนักกีฬาในโลก
            การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณยุติลงเมื่อ ค.ศ.๓๙๓ หรือ พ.ศ.๖๓๖ โดยพระจักรพรรดิ์โอโดซีอุส ที่ ๑ ซึ่งทรงเห็นว่า การแข่งขันกีฬาบูชาเทพเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ป่าเถื่อน และทรงประกาศห้ามการแข่งขัน
            ต่อมาเมื่อ ค.ศ.๑๘๙๖ (พ.ศ.๒๔๓๙) ได้มีการริเริ่มแข่งขันกีฬาโอลิมปิกขึ้นใหม่ โดย บารอน ปิแอร์ เดอร์ กูแบแตง (Baron Pierre de Coubertin) ชาวฝรั่งเศส เป็นผู้ฟื้นฟูขึ้น ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการโอลิมปิกสากลขึ้น โดยกำหนดให้มีการแข่งขันทุกๆ ๔ ปี โดยให้ประเทศสมาชิกหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ซึ่งประเทศที่ได้รับมอบหมายให้จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสากลเป็นครั้งแรก คือประเทศกรีซ เพื่อเป็นเกียรติในฐานะที่กรีซเป็นประเทศต้นตำนานแห่งการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก นิยมเดินทางไปเยี่ยมชมสนามกีฬาโอลิมปิกครั้งแรก ซึ่งบัดนี้กลายเป็นประวัติศาสตร์แห่งการเริ่มกีฬาโอลิมปิกสากล โดยมีแผ่นจารึกประวัติการเป็นสถานที่แข่งกีฬาโอลิมปิกครั้งแรก ติดตั้งไว้ให้นักท่องเที่ยวศึกษาและชม
            สัญลักษณ์ของกีฬาโอลิมปิกเป็นธงผืนใหญ่สีขาว บนผืนธงมีห่วง ๕ ห่วง ๕ สีคล้องติดกัน แสดงความหมายแห่งความสามัคคีร่วมมือกันระหว่างประเทศในโลก ห่วงสีน้ำเงิน หมายถึง ประเทศในทวีปยุโรป ห่วงสีเหลือง หมายถึง ทวีปเอเชีย ห่วงสีดำ หมายถึง ทวีปแอฟริกา ห่วงสีขาว หมายถึง ทวีปออสเตรเลีย ห่วงสีแดง หมายถึง ทวีปอเมริกาเหนือและทวีปแอฟริกาใต้ เริ่มใช้สัญลักษณ์ดังกล่าวเมื่อ ค.ศ.๑๙๒๐ (หรือ พ.ศ.๒๔๖๓) ซึ่งเป็นการจัดแข่งขันครั้งที่ ๗ ที่กรุงแอนตาเวิป ประเทศเบลเยี่ยม และต่อมาเมื่อ ค.ศ.๑๙๓๖ (พ.ศ. ๒๔๗๙) ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ ๑๑ ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี กีฬาโอลิมปิกได้เริ่มประเพณีจุดคบเพลิงโอลิมปิกที่แท่นบูชาเทพเจ้าซีอุส และต่อจากนั้นได้มีการส่งมอบคบเพลิงเพื่อจุด ณ สถานที่จัดการ
แข่งขันทุกครั้ง









กีฬามาราธอน


ประวัติความเป็นมาของการวิ่งมาราธอน ( โดยสังเขป)





               ประมาณ 2,500 ปีเศษ ย้อนไปอาณาจักรโรมันรุ่งเรือง แต่รบราฆ่าฟันทำสงครามกับเปอร์เซียตลอดเวลา ครั้งหนึ่งรบกันที่เมืองสปาตา โรมันชนะศึกทหารชื่อ " ฟิดิปปิเดซ " ( Pherdippides )ถูกใช้ให้กลับไปรายงานเจ้าเมืองเอเธนเป็นเพราะม้าศึกตายหมด ฟิดิปปิเดซต้องวิ่งจากเมืองที่ทำศึกข้ามทุ่ง " มาราธอน " ตามประวัติเขียนไว้ว่าใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมง เมื่อฟิดิปปิเดซวิ่งข้ามประตูเมืองเขาตะโกนว่า " Victory " ( เราชนะแล้ว ) พอสิ้นเสียงเขาก็ขาดใจตายอยู่ ณ ตรงนั้น นี่เป็นตำนานเล่าขานกันมา เมื่อมีการจัดแข่งขันวิ่งทนระยะยาวขึ้นเป็นครั้งแรกในกีฬาโอลิมปิคเขาจึงตั้งชื่อว่า " มาราธอน "
มาราธอน หมายถึง ระยะ 26 ไมล์ 385 หลา แต่ทางแถบเอเซียนิยมใช้เป็น 42.195 กม.

การแข่งขันวิ่งมาราธอนครั้งแรกของโลก
ปี 1896 ในโอลิมปิคเกมส์ จัดที่เอเธนในระยะทาง 24 ไมล์ 1500 หลา ผู้ชนะในครั้งนั้น เป็นชาวกรีกนั่นเอง คือ สปิริดอน หลุย ( Spyridon Louis ) ทำเวลา 2.58.50 ชม.
ชื่อของ สปิริดอน เป็นประวัติศาสตร์ ปัจจุบันเรามักจะเห็นตัวผลิตภัณฑ์หรือกิจกรรมที่เกี่ยวกับกีฬานำเอาคำว่า " Spyridon " ไปใช้ เช่น ชื่อบริษัทเกี่ยวกับกีฬา ฯลฯ โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา

ระยะทาง Marathon ถูกเปลี่ยนแปลง
ปี 1908 มีการจัดโอลิมปิคเกมส์ ที่ London ระยะทางเดิมถูกปรับให้ยาวออกไปเป็น 26 ไมล์ 385 หลา ( 42.195 กม.) ด้วยเหตุผลที่คณะกรรมการยินยอมกำหนดเส้นชัยอยู่ตรงหน้าพระพักตร์เจ้าหญิงพอดี และต่อจากนั้นมาได้ยึดระยะนี้เป็นมาตราฐานจนถึงปัจจุบัน ผู้เป็นแชมป์คนแรกในระยะ 42.195 กม. นี้คนแรกคือ จอห์น เฮย์ ( John Hayes ) นักวิ่งอเมริกัน ทำเวลา 2.55.18 ชม.

การแข่งขันวิ่งมาราธอนสำหรับประชาชนทั่วไปครั้งแรกในโลก
ทันทีที่มีการแข่งขันวิ่งมาราธอนในโอลิมปิคเกมส์ที่เอเธนปี 1896 เมือง " บอสตัน " สหรัฐ ฯ ก็ริเริ่มจัดให้มีการแข่งขัน "วิ่งบอสตันมาราธอน" ขึ้นเป็นครั้งแรกใช้กฏกติกาการแข่งขันเหมือนโอลิมปิค เพียงแตกต่างกันที่เปิดโอกาสให้นักวิ่งประชาชนทั่วไปเข้าแข่งได้ " บอสตันมาราธอน " จึงกลายเป็นงานวิ่งมาราธอนประเพณีประจำเมืองที่มีอายุมากที่สุดในโลก จนถึงปัจจุบัน 104 ปี และจัดต่อเนื่องกันมามิได้ขาด เมื่อครั้งครบรอบ 100 ปี มีนักวิ่งมาราธอนจากทั่วโลกเข้าร่วมแข่งขันกว่า 40,000 คน ในจำนวนนี้มีนักวิ่งไทยเข้าร่วมแข่งขัน 25 คน


http://www.thairunning.com/marathon_aims.htm  ( จากแฟ้ม ข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน รวบรวมโดย สงคราม ไกรสนธิ์ )


วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556



ความคิดสมัยใหม่ Modernism 

และ 

ความคิดหลังสมัยใหม่ Postmodernism 



ความคิดสมัยใหม่ Modernism 

Modernism ความคิดสมัยใหม่ (Modernism, Modernity or Modernization) ตาม Habermas (1987) และ Barry Smart กล่าวเอาไว้ว่า เริ่มมีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 มาจากภาษาละตินว่า “modernus = modern” เป็นการพยายามทำให้เกิดความแตกต่างกันใหม่ในชาวคริสต์ จากการนับถือศรัทธาพระเจ้าไปสู่สิ่งอื่น แล้วต่อมาไม่นาน ก็มีการพยายามทำให้เกิดความแตกต่างกันใหม่อีกในชาวคริสต์ จากการนับถือศรัทธาพระเจ้าไปแสวงหาความรู้จริงสิ่งสากล พยายามรู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายในสากลโลกตามความเป็นจริง รู้เข้าใจสิ่งทั้งหลายด้วยจิตหรือปัญญา เพราะอิทธิพลแนวความความคิดของคานต์ (Kant’s conception of a universal history) เป็นกระบวนการความแตกต่างทางความคิดและวัฒนธรรมจากเก่าไปสู่ใหม่ (Turner, 1991: 3) เป็นการแสวงหาความรู้จริงของสิ่งต่างๆ ทั้งหลายตามการเปลี่ยนแปลงเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าของโลกทางสังคม เพราะความเป็นมาของสังคมนี้เชื่อศรัทธาในพระเจ้าเป็นผู้สร้างกำหนดบันดาล ไม่เชื่อมนุษย์และธรรมชาติคือผู้สร้างกำหนดแสดง
              แนวคิดใหม่ทันสมัย นักปราชญ์หรือนักคิดทางสังคมบางคนกล่าวบอกว่า ควรนับตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 เพราะเป็นยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ (Renaissance) แต่นักสังคมวิทยาส่วนใหญ่เห็นว่า แนวคิดใหม่ทันสมัย (Modernism) เป็นยุคประวัติศาสตร์ของสังคมยุโรปตะวันตก ที่เกิดการวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เพราะในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16-17 เป็นยุคที่สนใจศึกษาค้นคว้าปรากฏการณ์ธรรมชาติแบบวิทยาศาสตร์ (Scientism) มาช่วยแก้ปัญหาสังคมทั้งหลายที่เกิดขึ้น แล้วส่งผลมีอิทธิพลต่อการศึกษาสังคมวิทยาแบบวิทยาศาสตร์ของคองต์ในเวลาต่อมา (Comte’s positivism) 
              ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 จึงถือได้ว่าเป็นยุคความคิดใหม่ทันสมัย  (Modernism) อันหมายถึงยุคสมัยให้ความสนใจในเรื่องศิลปะ วรรณคดี วิทยาการ สถาบัน  เหตุผล  การศึกษา เศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์  รูปแบบของชีวิต ความจริงของชีวิตบนฐานของความเจริญเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก กล่าวคือเป็นช่วงเวลาแห่งความเจริญทางวัตถุ ความมั่นคงทางสังคม และความรู้เข้าใจตนเอง (Material progress, social stability and self-realization) ในยุโรปตะวันตก มีอังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส  อิตาลี เป็นต้น แม้มีปัจจัยต่างๆ มากมายที่ทำให้เกิดสมัยใหม่ ปัจจัยสำคัญเหล่านี้ คือ ความจริง (Truth) เหตุผล (Rationality) วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) ผลของอุตสาหกรรม (Emergence of capitalism) การแผ่อำนาจทางตะวันตก (Western imperialism) การแพร่กระจายความรู้ และอำนาจทางการเมือง (Spread of literature and political power) การขับเคลื่อนทางสังคม (Social mobility)    เป็นสาเหตุสำคัญสนับสนุนส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงพัฒนาสังคมโลก ที่เรียกกันว่า “สมัยใหม่ความทันสมัย (Modernism)” เพราะผลของความเจริญทางการศึกษาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม และการขับเคลื่อนทางสังคม ทำให้มนุษย์ต้องการรู้เข้าใจตนเองและสังคมมากยิ่งขึ้นตามลำดับ ทำให้ต้องมาคิดใหม่ทำใหม่ เพื่อความถูกต้องดีงามแบบสากล



ความคิดหลังสมัยใหม่ Postmodernism 

Post Modern  คือแนวความคิดที่มาหลังจากยุค modern ซึ่งเป็นช่วงหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ที่อะไรต่างๆถูกกำหนดอยู่ในหลักเกณฑ์และทฤษฏี แต่ยุค postmodern เป็นยุคที่ปฏิเสธสิ่งเดิมๆในยุคmodern โดยเน้นเสรีภาพและอิสระของบุคคล ไม่เชื่อในโลกของความจริง ไม่เชื่อเรื่องความเป็นสากล เพราะเชื่อว่าแต่ละคนแต่ละวัฒนธรรมนั้นมีเหตุผลของตัวเอง ไม่ควรจะให้ใครมาตัดสินว่าอันไหนสิ่งใดดีที่สุด แล้วคิดว่าสิ่งนั้นต้องดีสำหรับคนอื่นด้วย ดังนั้นจึงไม่คิดว่าสังคมที่คิดว่าเป็นสากลนั้นไม่มีจริง
หลักการโดยทั่วไปของ Post Modern คือการสร้างรูปแบบงานออกแบบใหม่ที่ไม่ใช่ทั้ง Modern และ รูปแบบ Classic แต่กลับเป็นการสร้างลูกผสมระหว่างทั้งสองรูปแบบขึ้นมาดังจะ เห็นได้จากผลงานส่วนใหญ่ของรูปแบบนี้จะมีการสร้างชิ้นงานแบบ Modern ที่เรี
ยบง่าย และมีรูปทรงที่โดดเด่น เตะตา แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีการอ้างอิงถึงรายละเอียด หรือกลิ่นอายของงาน Classic ไปด้วยในตัว 
รูปแบบ Post Modern ก็มักจะมีการใช้สีสรรที่สดใส หรือวัสดุที่แปลกใหม่ ตลอดจนรูปทรงที่แปลกตา เข้ามาใช้ในงานด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอาคาร สถาปัตยกรรม ทำให้เรามักจะได้เห็น อาคารรูปทรงแปลกประหลาด หรือมีสีสรร สดใสตัดกับอาคารสี่เหลี่ยมทึบตันรอบข้าง โผล่มาอย่าง น่าประทับใจ



ความแปลกใหม่และลูกเล่นที่สร้างสรรค์ต่างๆ เหล่านี้ ได้สร้างให้งาน Post Modern ขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างรวดเร็วและด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่ทันสมัย ยิ่งทำให้งานออกแบบนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก Post Modern กลายเป็นรูปแบบใหม่ที่นักออกแบบทั่วโลกให้ความสนใจ และยินดีที่จะสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบนี้ ภายหลังจากที่ ต้องเก็บกดอยู่นานกับความเรียบง่าย วัสดุที่จำกัด และรูปทรงเรขาคณิต ของงาน Modern


วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2556

อิทธิพลดนตรีตะวันตก

ดนตรีตะวันตกเริ่มเข้ามาสู่ประเทศไทย และไทยรับมาใช้ในราชการ ตั้งแต่รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทหารชาวอังกฤษสองคนชื่อ นอกซ์ (Knox) และอิมเป (Impey) ได้นำแตรฝรั่งเข้ามาเป่าแตรสัญญาณ และบรรเลงเพลงถวายความเคารพพระมหากษัตริย์ ต่อมาจึงพัฒนาขึ้นมาเป็นแตรวงของทหาร ใช้บรรเลงนำขบวนแห่ และบรรเลงเพลงไทย เรียกสั้นๆ ว่า "แตรวง" ซึ่งต่อมานายมนตรี ตราโมท ได้ขนานนามแตรวงนี้ว่า "วงโยธวาทิต" 




ประเทศไทยเริ่มมีเพลงแบบฝรั่ง แต่งโดยคนไทยคนแรกคือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตจนถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ก็เริ่มมีวงดุริยางค์สากลขนาดใหญ่ คือวงเครื่องสายฝรั่งหลวง เทียบเท่ากับวงออร์เคสตรา ขนาดใหญ่ของฝรั่ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้มีการสร้างวงดนตรีขนาดเล็ก เรียกว่า "แย้สแบนด์" ขึ้น มีผลงานเพลงแบบฝรั่งที่คนไทยแต่งขึ้น แล้วต่อมาจึงได้รับขนานนามว่า เพลงไทยสากล มีนักประพันธ์เพลงผลิตผลงานเพลง เพื่อใช้ประกอบการแสดงละครร้อง และภาพยนตร์มีการสร้างเพลงปลุกใจขึ้น รัฐบาลไทยสมัยนั้น ต้องการพัฒนาประเทศให้เป็นตะวันตก จึงส่งเสริมการดนตรีตะวันตกมากขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ดนตรีตะวันตกได้เพิ่มอิทธิพลขึ้นในประเทศไทย ดนตรีจากสหรัฐอเมริกาผ่านสื่อแบบต่างๆ เช่น วิทยุ และเครื่องเล่นจานเสียง เยาวชนไทยได้หันเหไปสนใจการร้องเพลง และการเต้นรำด้วยลีลาอารมณ์แบบตะวันตก จึงเกิดเพลงไทยสากลตามรูปแบบฝรั่งขึ้นมากมาย รวมทั้งเพลงแจ๊ส เพลงเต้นรำประเภทร้อนแรงจนถึงสมัยของเพลงร็อกในราวปี พ.ศ.๒๕๐๐


ข้อมูลจาก http://www.thaigoodview.com/node/149093   http://kanchanapisek.or.th/kp6/New/sub/book/book.php?book=16&chap=7&page=t16-7-infodetail02.html